สุดยอด ''กราฟฟิติ'':ออกจะแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า ทำไมลายเส้นนาซคา (Nazca Lines) บนดินแดนทะเลทรายนาซคา ประเทศเปรู ถึงไม่ติดโผสิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคใหม่
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : สำหรับผมแล้ว ภาพวาดนาซคาเป็นจิตรกรรมยิ่งใหญ่ที่ใช้พื้นโลกแทนผืนผ้าใบวาด ภาพวาดเหล่านี้จัดเป็น Graffiti ขนาดมหึมาที่ต้องอาศัยการคำนวณ และวัดระยะอย่างแม่นยำ น่าทึ่งมากที่คนยุคเกือบสามพันปีก่อนทำได้อย่างไร ทั้งที่ไม่มีกล้องวัดระยะ ไม่มีจีพีเอส
ภาพวาดนาซคา เป็นกลุ่มลายเส้นจำนวนนับร้อยรูป มีตั้งแต่เส้นลากไปลากมาธรรมดา ไปจนถึงลายเส้นภาพเหมือนนกฮัมมิ่งเบิร์ด แมงมุม ลิง ปลา ฉลาม และกิ้งก่า
กลุ่มภาพเหล่านี้กระจายครอบคลุมพื้นที่กว่า 80 กิโลเมตร ระหว่างเมืองนาซคา และปัลปาในประเทศเปรู เชื่อกันว่ากลุ่มภาพเหล่านี้สร้างขึ้นในยุควัฒนธรรมนาซคา ระหว่าง 200 ปีก่อนคริสตกาลถึง ค.ศ.700
ทุกวันนี้ยังไม่มีใครแกะปริศนาออกว่า ใครเป็นคนสร้างภาพวาดลายเส้นเหล่านี้ และทำขึ้นมาทำไม ทฤษฎีหลักที่เชื่อกันทั่วไปสมมติฐานว่า ชาวนาซคาสร้างลายเส้นขึ้นด้วยเครื่องมือ และอุปกรณ์สำรวจแสนจะธรรมดา
นักโบราณคดีค้นพบไม้ปักทำแนวหลายท่อนที่ปลายเส้นของภาพวาด (ซึ่งถูกนำมาวัดอายุคาร์บอน) และยังเจอเครื่องดินเผาบนพื้นดิน ยืนยันทฤษฎีข้างต้น เป็นอันว่า กลุ่มภาพวาดเหล่านี้ไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์ต่างดาวแน่ๆ เลิกเพ้อกันได้แล้ว
นักวิจัยบางคนเคยลองสร้างภาพลายเส้นเลียนแบบ โดยใช้เทคนิคที่ชาวนาซคายุคนั้นใช้กัน หลังจากวางแผนอย่างรอบคอบ และประดิษฐ์เครื่องมือง่ายๆ เสร็จสรรพ จัดทีมกลุ่มไม่ใหญ่นัก พวกเขาก็สร้างภาพขนาดใหญ่ได้ในไม่กี่วัน ภาพเหล่านี้มองจากตีนเขาก็เห็นแล้ว ไม่ต้องเหาะขึ้นไปอยู่กลางอากาศ
ภาพลายเส้นทั้งหมดเกิดจากการเคลื่อนย้ายก้อนกรวดที่มีเหล็กออกไซด์ที่กระจายเต็มทะเลทรายนาซคาออกจากที่เดิมของมัน เมื่อย้ายก้อนกรวดออกไปจะเกิดแนวเส้นตัดกับพื้นชัดเจน เนื่องจากดินที่อยู่ข้างล่างมีสีอ่อน บริเวณเนินนาซคามีภาพลายเส้นธรรมดา และลายเรขาคณิตอยู่นับร้อยลาย รวมถึงภาพสัตว์ แมลง และรูปร่างคนอีกกว่า 70 แบบ กลุ่มลวดลายเส้นทั้งหมดครอบคลุมพื้นที่เกือบ 500 ตารางกิโลเมตร ภาพวาดขนาดใหญ่ที่สุดยาวเกือบ 200 เมตร
แม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายพันปี แต่ภาพลายเส้นเหล่านี้ยังปรากฏให้เห็นชัด โดยเฉพาะเมื่อมองดูจากบนฟ้า เนื่องจากทะเลทรายนาซคามีสภาพแห้งแล้งจัด ลมไม่กระดิก และอากาศคงเส้นคงวา
ทะเลทรายนาซคาเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดแห่งหนึ่งบนโลก อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียสทั้งปี กระแสลมนิ่ง แนวเส้นจึงคงสภาพอยู่จนถึงทุกวันนี้
ทำไมคนนาซคาโบราณถึงสร้างภาพเหล่านี้ ไม่มีใครรู้ ทฤษฎีที่ยอมรับกันคือ ชาวนาซคาได้แรงบันดาลใจจากศาสนา ภาพเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้พระเจ้าบนฟ้าชื่นชม
มีนักวิจัยอีกลุ่มเช่นกันมองข้ามไปไกลกว่านั้น โดยพยายามโยงให้เห็นว่า ลายเส้นนาซคาทำเพื่อชี้ตำแหน่งที่ดาวขึ้นและตกตรงขอบฟ้า เช่น ดวงอาทิตย์ และดาวอื่น แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีดาราศาสตร์สองคนคือ เจอราล์ด ฮอว์กิน และแอนโธนี อเวนี ยังไม่ปักใจเชื่อ และมองว่ายังมีหลักฐานไม่พอสนับสนุนคำอธิบายดังกล่าว
นักดาราศาสตร์อีกคนคือ โรบิน เอ็ดการ์ เสนอทฤษฎีว่า ลายเส้นนาซคา โดยเฉพาะภาพสัตว์ คน นก และดอกไม้ เหมือนทำขึ้นเพื่อบูชา "ดวงตาแห่งสวรรค์" ที่ปรากฏบนท้องฟ้าช่วงที่เกิดสุริยุปราคา
ช่วงที่ลายเส้นนาซคา และภาพวาดถูกทำขึ้น นักดาราศาสตร์คำนวณพบว่า ทางตอนใต้ของเปรูเกิดเหตุการณ์สุริยุปราคาหลายครั้งอย่างผิดสังเกต เป็นสุริยคราสเต็มดวง ดูคล้ายกับม่านตาและรูม่านตาขนาดใหญ่มองลงมาจากฟ้า และนี่คือเหตุผลที่ชาวนาซคาสร้างงานศิลปะขนาดใหญ่เพื่อให้ ดวงตาแห่งสวรรค์ทอดพระเนตร
อีกทฤษฎีหนึ่งเสนอว่า แนวเส้นเหล่านี้คือ ร่องรอย "โบสถ์เดินได้" ของสาวกกลุ่มใหญ่ที่เดินเป็นรูปแบบที่ถูกกำหนดไว้เพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คล้ายกับการเดินจงกรม ชาวบ้านเล่ากันว่า ชาวนาซคาประกอบพิธีวาดภาพขนาดใหญ่เพื่อขอบคุณเทพเจ้า และเพื่อขอพรให้น้ำจากเทือกเขาแอนเดสรินไหลอยู่เสมอ ทฤษฎีนี้ยังสอดคล้องกับภาพวาดบนพื้นดินที่ชาวอเมริกาเหนือดั้งเดิมทำขึ้น